: 12
: 28-Aug-25
วิธีให้กําลังใจผู้ป่วยมะเร็งและดูแลจิตใจผู้ป่วยอย่างเหมาะสม
การเผชิญหน้ากับโรคมะเร็งถือเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่และซับซ้อน ไม่ใช่แค่การต่อสู้กับความเจ็บป่วยทางกายเท่านั้น แต่ยังเป็นการต่อสู้กับความบอบช้ำทางจิตใจที่หนักหน่วงด้วย ผู้ป่วยอาจรู้สึกโดดเดี่ยว สิ้นหวัง และสูญเสียความเป็นตัวเอง บทความนี้จึงขอเป็นแนวทางให้คุณได้เข้าใจและสามารถมอบกำลังใจที่เหมาะสมให้กับผู้ป่วยมะเร็งได้อย่างแท้จริง เพื่อให้พวกเขามีพลังใจที่จะผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปได้อย่างเข้มแข็ง
ก่อนที่จะให้กำลังใจใดๆ สิ่งสำคัญคือการทำความเข้าใจว่าผู้ป่วยกำลังเผชิญกับอารมณ์ในรูปแบบใดอยู่ ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาได้อธิบายถึงปฏิกิริยาทางอารมณ์ของผู้ป่วยที่เผชิญกับโรคร้ายไว้ 5 ขั้นตอน ได้แก่:
ระยะปฏิเสธ (Denial): เป็นปฏิกิริยาแรกที่พบได้บ่อย ผู้ป่วยอาจรู้สึกช็อกและไม่ยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น อาจพูดว่า "ไม่จริงน่า...ไม่ใช่ฉันแน่ๆ" หรือ "หมอวินิจฉัยผิดแล้ว"
ระยะโกรธ (Anger): เมื่อเริ่มยอมรับความจริงได้บางส่วน ความรู้สึกคับแค้นใจต่อโชคชะตาที่เล่นตลกจะเข้ามาแทนที่ ผู้ป่วยอาจรู้สึกโกรธตัวเอง โกรธครอบครัว โกรธหมอ หรือแม้แต่โกรธสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ระยะต่อรอง (Bargaining): ผู้ป่วยอาจพยายามต่อรองกับตัวเองหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อขอโอกาสอีกครั้ง เช่น "ถ้าฉันหายจากโรคนี้ ฉันจะทำสิ่งดีๆ" หรือ "ขอแค่ให้ฉันได้อยู่กับลูกอีกสักพัก"
ระยะซึมเศร้า (Depression): เมื่อตระหนักว่าการต่อรองไม่ได้ผล ความเศร้า ความรู้สึกสูญเสีย และสิ้นหวังจะเข้ามาแทนที่ ผู้ป่วยอาจแยกตัวออกจากสังคม ไม่สนใจสิ่งรอบข้าง และมองไม่เห็นอนาคต
ระยะยอมรับ (Acceptance): ในที่สุด ผู้ป่วยจะเริ่มยอมรับสถานการณ์และเริ่มตั้งรับกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ดีขึ้น พวกเขาจะเริ่มวางแผนการใช้ชีวิตที่เหลืออยู่หรือเตรียมพร้อมสำหรับการรักษาอย่างมีสติ
การรับรู้ช่วงเวลาเหล่านี้จะช่วยให้คุณเข้าถึงและตอบสนองต่ออารมณ์ของผู้ป่วยได้อย่างเหมาะสม โดยไม่เข้าไปกดดันหรือทำให้พวกเขารู้สึกแย่ลงกว่าเดิม
คำพูดอาจไม่ใช่สิ่งเดียวที่ช่วยได้ การกระทำที่จริงใจมีความหมายมากกว่าและสามารถสร้างพลังใจได้อย่างมหาศาล
สิ่งสำคัญที่สุดคือการเป็น ผู้รับฟังที่ดี เปิดโอกาสให้ผู้ป่วยได้ระบายความรู้สึก ความกลัว ความกังวล หรือความคับข้องใจออกมาให้หมด โดยไม่ต้องตัดสินหรือให้คำแนะนำที่ไม่จำเป็น การรับฟังอย่างตั้งใจจะช่วยให้พวกเขารู้สึกว่ามีคนเข้าใจและพร้อมจะอยู่เคียงข้างเสมอ
การสัมผัสที่อ่อนโยน: บางครั้งการอยู่ตรงนั้นโดยไม่พูดอะไรเลย เพียงแค่ จับมือเบาๆ หรือกอดอย่างอบอุ่น ก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้ป่วยรู้สึกว่าไม่ได้อยู่คนเดียว ความรู้สึกปลอดภัยจะช่วยปลอบประโลมจิตใจได้อย่างดีเยี่ยม
เป็นผู้ช่วยส่วนตัว: เสนอตัวช่วยทำธุระเล็กๆ น้อยๆ ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาหรือการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การพาไปหาหมอตามนัด ซื้อของใช้ เตรียมอาหารที่มีประโยชน์ หรือช่วยจัดบ้านให้เป็นระเบียบ การกระทำเหล่านี้จะช่วยลดภาระทางกายและจิตใจได้มาก
ชวนทำกิจกรรมที่ชอบ: หากผู้ป่วยยังมีแรงและสามารถทำได้ ลองชวนทำกิจกรรมที่พวกเขาเคยชอบ เช่น ดูหนังตลกๆ ฟังเพลงโปรด ปลูกต้นไม้ อ่านหนังสือ หรือทำอาหารง่ายๆ การทำกิจกรรมที่คุ้นเคยจะช่วยเบี่ยงเบนความสนใจจากความเจ็บป่วยและสร้างความรู้สึกเป็นปกติให้กับพวกเขา
ชวนคุยเรื่องทั่วไปในชีวิต: ไม่จำเป็นต้องคุยแต่เรื่องการรักษาเพียงอย่างเดียว ชวนคุยเรื่องทั่วไปในชีวิตประจำวัน เช่น "วันนี้อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม" หรือ "จำตอนที่เราไปเที่ยว...ได้ไหม" เพื่อให้พวกเขารู้สึกว่ายังคงเป็นส่วนหนึ่งของโลกใบนี้และไม่ได้ถูกมองว่าเป็น "คนป่วย" เพียงอย่างเดียว
เลือกใช้คำพูดที่ให้ความรู้สึกว่าคุณเข้าใจและพร้อมที่จะร่วมเดินทางไปกับพวกเขา โดยหลีกเลี่ยงคำพูดที่ฟังดูง่ายเกินไปหรือเป็นเชิงสั่งสอน
คำที่แสดงความเข้าใจและยอมรับ: "ฉันเข้าใจว่ามันยากแค่ไหน" หรือ "ฉันพร้อมที่จะอยู่ตรงนี้เพื่อรับฟังทุกอย่าง" คำพูดเหล่านี้จะช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกว่าอารมณ์ของพวกเขาเป็นเรื่องที่ยอมรับได้
คำที่ให้ความหวังอย่างเป็นจริง: "เราจะสู้ไปด้วยกันนะ" หรือ "ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ฉันจะอยู่ข้างๆ เธอเสมอ" คำเหล่านี้จะสร้างความรู้สึกว่าพวกเขาไม่ได้โดดเดี่ยวในการต่อสู้กับโรค
คำที่สะท้อนถึงคุณค่าของชีวิต: "เธอเข้มแข็งมากนะที่ผ่านมาได้ขนาดนี้" หรือ "ฉันภูมิใจในตัวเธอเสมอ" การเน้นย้ำถึงคุณค่าและคุณสมบัติที่ดีของพวกเขาจะช่วยสร้างกำลังใจและเพิ่มความมั่นใจในตนเอง
หลีกเลี่ยงคำพูดที่ให้ความหวังลมๆ แล้งๆ: เช่น "เดี๋ยวก็หาย" หรือ "ไม่เป็นไรหรอก" เพราะอาจทำให้ผู้ป่วยรู้สึกแย่ลงหากผลการรักษาไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง
การกระทำหรือคำพูดบางอย่างอาจส่งผลเสียต่อจิตใจของผู้ป่วยโดยไม่ตั้งใจได้
อย่าเปรียบเทียบ: หลีกเลี่ยงการเปรียบเทียบผู้ป่วยกับคนอื่นที่เคยป่วย เช่น "คนนั้นก็เป็น แต่เขายังสู้ไหวเลย" เพราะการเปรียบเทียบจะยิ่งสร้างแรงกดดันและความรู้สึกไม่ดีให้กับพวกเขา
อย่าให้คำแนะนำที่ไม่จำเป็น: การพยายามหาวิธีการรักษาที่แปลกใหม่หรือการแนะนำแพทย์ทางเลือกโดยไม่ได้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญอาจสร้างความสับสนและความกังวลให้กับผู้ป่วย
อย่าบังคับให้เข้มแข็ง: อนุญาตให้ผู้ป่วยได้แสดงความรู้สึกเศร้าหรือท้อแท้ได้อย่างเต็มที่ เพราะการร้องไห้และการระบายความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของการเยียวยาจิตใจ การบังคับให้เข้มแข็งตลอดเวลาจะยิ่งทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนกำลังแบกภาระหนักอึ้งไว้เพียงลำพัง
การให้กำลังใจผู้ป่วยมะเร็งคือการมอบความรัก ความเข้าใจ และการยอมรับอย่างไม่มีเงื่อนไข เพราะพลังใจจากคนรอบข้างเปรียบเสมือนยาชั้นดีที่ช่วยให้พวกเขามีแรงกายแรงใจที่จะต่อสู้กับโรคต่อไปได้ ขอให้คุณเป็นพลังใจที่ยิ่งใหญ่ให้กับพวกเขาในวันที่ชีวิตต้องเผชิญกับบททดสอบที่สำคัญนี้
สำหรับคนที่กำลังมองหาตัวช่วยในดูแลสุขภาพ ยาน้ำเซียนเทียน เป็นอีกหนึ่งตัวช่วย ด้วยสมุนไพร 14 ชนิดจากเทือกเขาฉางไป๋ซาน ยาน้ำเซียนเทียนมีสรรพคุณในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ปรับสมดุลพลังชี่ และช่วยฟื้นฟูร่างกายตั้งแต่ระดับเซลล์
ยาน้ำเทียนเซียนยังเป็นทางเลือกทสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งระยะพักฟื้น โดยช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดซ้ำและการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง บำรุงกำลัง และเพิ่มความอยากอาหาร ให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีระหว่างรับการรักษา
สนใจสั่งซื้อผลิตภัณฑ์หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ LINE: @tianxian หรืออ่านเรื่องราวประสบการณ์จากผู้ใช้จริงได้ผ่านเว็บไซต์ของเรา
กรุณากรอกแบบฟอร์ม เจ้าหน้าที่จะติดต่อกลับภายใน 24 ชั่วโมง
213/5 อาคารอโศกทาวเวอร์ ชั้น 6 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110
โทร 02-264-2217 02-264-2218 02-264-2219
Copyright © 2020 บริษัท เฟยดา จำกัด. All rights reserved.